วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวของจีนที่ไม่ควรพลาด!

    1. The Forbidden City


       “The Forbidden City”หรือนครต้องห้าม ตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีนและอยู่ทางตอนเหนือของจตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังแห่งนี้ เป็นเขตหวงห้ามไม่ไห้ประชาชนเข้า แม้แต่ข้าราชการชั้นสูง ยังต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จึงเรียกพระราชวังนี้ว่า“พระราชวังต้องห้าม” จักรพรรดิจะทรงประทับอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ กั้นพระองค์จากโลกภายนอก โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต

2. The Great Wall

        “The Great Wall” หรือ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ“กำแพงเมืองจีน” บ้างก็เรียกว่า“กำแพงหมื่นลี้”เพราะมีความยาวถึง 6,350 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนสร้างเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยฮ่องเต้องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย
3. The Terracotta Warriors

           “The Terracotta Warriors” หรือ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” สุสานของจอมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฉินเป็นสุสานที่เต็มไปด้วยหุ่นดินเผาของทหารและม้านับหมื่น เล่ากันว่า“จิ๋นซีฮ่องเต้” มีพระบัญชาให้สร้างมหาสุสานเพื่อเป็นที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ โดยใช้ช่างฝีมือและคนงานกว่าเจ็ดแสนคนปั้นหุ่นทหารจากแบบที่เป็นคนจริง เมื่อปั้นเสร็จคนที่เป็นแบบจะถูกสังหารให้วิญญาณมาสถิตในหุ่นเพื่อพิทักษ์สุสาน ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครพบที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ และที่นี่ก็กลายมาเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ตะลึงกันทั่วโลก

4. Karst Mountains in Yangshuo


     
               “Karst Mountains” ในเมืองหยางโจว เป็นภูเขาที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก ตั้งอยู่ที่มณฑลกวางซีซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของที่นี่คือการมองจากหยางโจว เขตเทศบาลเล็กๆ บริเวณชานเมือง“กุ้ยหลิน” ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางซี


5. Hangzhou – Paradise on Earth


        “หางโจว” (Hangzhou) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน เป็นสวรรค์บนดินที่ล้อมรอบด้วย“ทะเลสาบซีหู” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด
6. Jiuzhaigou

          หุบเขา“จิ่วจ้ายโกว” (Jiuzhaigou) เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ประเทศจีน มีทะเลสาบที่สวยมหัศจรรย์เหลือจะบรรยาย ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง สีเหลืองของใบไม้สะท้อนผ่านสีเขียวของผืนน้ำ เกิดเป็นภาพที่สะกดทุกสายตา จนในปี พ.ศ. 2535 องค์การยูเนสโกได้ประกาศพื้นที่นี้ให้เป็นมรดกโลก และเป็น World Biosphere Reserve ใน พ.ศ. 2540

7. Potala Palace, Lhasa



          “พระราชวังโปตาลา” ตั้งอยู่ที่กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ประเทศจีน ปราสาทนี้ถูกสร้างในลักษณะของวังซ้อนวัง พระราชวังวงนอกเรียกว่า วังขาว เพราะทาสีขาว สร้างเสร็จ ปี ค.ศ. 1648 พระราชวังชั้นในเรียกว่าวังแดง ได้ชื่อตามผนังที่ทาสีแดง สร้างที่หลังวังขาวเกือบ 50 ปี ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ภายในวังขาว มีสำนักงาน โรงเรียนศาสนา ส่วนวังแดงเป็นส่วนที่ยังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ เป็นศูนย์รวมใจของโปตาลา 

8. The Bund, Shanghai


        “The Bund” (The Bund เป็นภาษาเยอรมันหมายถึงจุดนัดพบ) หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า“Waitan” (ไว่ทัน) คือพื้นที่ที่อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำHuangpu ทิวทัศน์ที่น่าสนใจบริเวณนี้ก็คือเหล่าตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปในยุคศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น  “An International Exhibition of Architecture” หรือนิทรรศการแสดงสถาปัตยกรรมนานาชาติ

 9. Giant Pandas and Chengdu


     อยากชิมอาหารพื้นเมืองอันมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ไม่ควรพลาด“เฉิงตู” หนึ่งในเมืองสวยงามและเป็นแหล่งที่รวมอาหารเด็ดที่สุดในซีอาน พร้อมสัมผัสแพนด้ายักษ์อย่างใกล้ชิดที่สถาบันวิจัยการผสมพันธุ์สัตว์

10. Modernity in Hong Kong


      “ความล้ำสมัยที่สุดของจีนสัมผัสได้จากฮ่องกง” เชื่อกันว่าหากอยากเห็นภาพตระการตาและไฮเทคของบ้านเมืองพี่จีน ให้ข้ามไปที่เกาะเกาลูน ฝั่งฮ่องกงแล้วมองกลับมา และภาพนั้นจะปรากฏอยู่ตรงหน้า


ขับรถถอยหลัง อย่างมีเทคิค



   หลายๆ คนมักไม่ชินเวลาขับรถถอยหลัง หรือเก้ๆ กังๆ กะระยะห่างไม่ถูกต้องเวลาถอยรถเข้าช่องจอด มาเรียนรู้วิธีขับรถถอยหลังให้ถูก และเทคนิคง่ายๆ

     ขับรถถอยหลังนั้น ควรกระทำในขณะที่ความเร็วต่ำและขับช้าๆ ซึ่งจะทำให้การหมุนพวงมาลัยได้ผลดี

     ขณะหมุนพวงมาลัย ควรใช้รถเคลื่อนที่นิดหน่อยเพราะจะช่วยลดการเสียดสีระหว่างหน้ายางกับพื้นถนน

     หลักการถอยหลัง มีหลักอยู่ว่าต้องการให้ท้ายของรถยนต์หันไปทางใด ก็ให้หมุนพวงมาลัยไปทางนั้น เช่น ต้องการให้ท้ายรถเลี้ยวไปทางซ้าย ก็ให้หมุนพวงมาลัยไปด้านซ้าย และถ้าต้องการให้ท้ายรถเลี้ยวไปทางขวาก็หมุนพวงมาลัยไปทางขวา

     ในขณะที่จะถอยหลัง หากมีการจราจรแออัดควรเปิดสัญญาณไฟ และสังเกตรถที่ผ่านไปมาทั้งด้านหน้า-หลัง ซ้าย-ขวา ว่าพ้นระยะในการหักวงเลี้ยวของรถเราหรือไม่

     เพิ่มความมั่นใจ ขณะถอยด้วยการใช้มือขวาควบคุมพวงมาลัยและใช้แขนซ้ายอ้อมไปจับด้านหลังของ เบาะคู่หน้า จากนั้นค่อยๆ ถอยช้าๆ เข้าซอง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้การเอี้ยวคอไปมองท้ายรถสะดวกขึ้น

      การทิ้งช่วงห่างระหว่างท้ายรถกับกำแพงด้านหลัง บ่อยครั้งที่เรามักจะกะระยะไม่ถูก เนื่องจากไม่กล้าถอย กลัวท้ายจะชนโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ลองใช้วิธีแตะเบรกช่วย แล้วสังเกตแสงไฟท้าย ประเมินดูได้จากรัศมีของแสงไฟ หากจอดชิดเกินไปจะมีแสงหรี่หรือมองไม่เห็นแสง แต่หากแสงจ้าแสดงว่ายังถอยได้อีก

      ทั้งนี้ลองสังเกตการจอดของรถข้างๆ ที่มีขนาดใกล้กันช่วยก็ได้ โดยพยายามให้บานประตูรถอยู่ในระนาบเดียวกัน และระวังเรื่องรถคุณจะจอดล้ำหน้าเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินมิติ หรือขนาดของรถและขนาดช่องว่างพื้นที่ที่จะนำรถเข้าจอด พร้อมด้วยช่องว่างที่เหลือเพื่อหักเลี้ยวด้วย

แต่งตัวตามฤดูกาลอย่างไร?



    ฤดูร้อน ควรเลือกเสื้อผ้าที่เนื้อผ้าบางเบา ใส่สบาย ถ่ายเทความร้อนและซึมซับเหงื่อได้ดี เช่น ผ้าคอตตอนผ้าสแปนเดกซ์

     ฤดูฝน ควร เลือกเสื้อผ้าที่แห้งเร็วอย่างเสื้อที่ตัดด้วยผ้าคอตตอน หรือผ้าชีฟอง เนื้อไม่หนาเกินไป เวลาถูกละอองฝนจะได้แห้งง่าย และควรดูแลเรื่องเสื้อผ้าไม่ให้อับชื้น เพราะจะก่อให้เกิดเชื้อราได้ค่ะ

    ฤดูหนาว ควร เลือกเสื้อผ้าที่มีความหนาและเนื้อผ้าที่ใส่แล้วเพิ่มความอบอุ่นในร่างกาย มากขึ้น และในช่วงที่ตั้งครรภ์ผิวของคุณแม่จะแห้งกว่าปกติ จึงควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าใส่แล้วระคายต่อผิวหรือก่อให้เกิด ผื่นคัน รวมถึงหมั่นใช้โลชั่นทาให้ผิวมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา


   ทราบหรือไม่ว่าการออกำลังกายมีข้อดีอย่างไร วันนี้เรามีข้อดีของการออกกำลังกายมาบอก…
          1. ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง
          สมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่มีการเสื่อมลงตามวัย แต่การออกกำลังกายช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้ ทำให้สามารถคิดและจดจำได้ดีกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายนอกจากนี้การออกกำลังเป็นประจำ ยังทำให้ดูกระฉับกระเฉง มีสมาธิในการเรียนรู้ได้ดีกว่า
          
       2. ทำให้กระดูกแข็งแรงหนาขึ้น         การกินแคลเซียมเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ควรอออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง
          
        3. ทำให้ผิวสวย         การออกกำลังกายจะช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้น ยิ่งร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้มากขึ้นเท่านั้น จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น
          
        4. ลดความเครียด     การออกกำลังกาย ช่วยลดความวิตกกังวล ผ่อนคลายความเครียดได้ เนื่องจากในระหว่างการออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์หรือสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น นอกจากนี้การที่ร่างกายได้เคลื่อนไหว จิตใจก็ได้เคลื่อนไหวไปด้วย   ทำให้ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่กังวลอยู่ ส่วนการออกกำลังกายแต่ละชนิด มีผลต่อสมองต่างกันการออกกำลังกายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการทำสมาธิ เช่น โยคะ หรือไทเก๊ก จะช่วยผ่อนคลายความเครียดในสมองได้มากกว่า การออกกำลังกายประเภทที่ต้องออกแรงมากๆ
          
         5. ช่วยผ่อนคลายภาวะการปวดประจำเดือน         วิธีธรรมชาติที่ช่วยรักษาอาการปวดท้องเมนได้ดีที่สุด คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ หรือแอโรบิค ถ้าไม่มีเวลาก็ออกกำลังง่าย ๆ ด้วย การซิท-อัพตอนเช้าก็ได้ ยิ่งใกล้รอบเดือน ก็ยิ่งควรซิท-อัพไว้ล่วงหน้า เพราะจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณมดลูกมีความยืดหยุ่นทำงานได้ดีขึ้น
          
       6. ลดอาการท้องผูก       การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว ๆ การวิ่งเหยาะ การว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ระบบขับถ่ายได้ระบายของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
มากขึ้น
          
           7. ทำให้หลับง่ายขึ้น         การออกกำลังกายในช่วงเย็น ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกายมีผลโดยตรงกับระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
          
          8. ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง             การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนแข็งแรง ทำให้หุ่นกระชับสมส่วน